วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559




  • วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

  • บันทึกการเรียน ครั้งที่ 9
    Knowledge


    โปรแกรมการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program)
    แผน IEP
           แผนการศึกษาที่ร่างขึ้น
           เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน และการช่วยเหลือฟื้นฟูให้เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเขา
           ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก
          โดยระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก

    การเขียนแผน IEP
          คัดแยกเด็กพิเศษ
          ครูต้องรู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร
          ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ จะทำให้ทราบว่าจะต้องเริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน ในทักษะใด
          เด็กสามารถทำอะไรได้  / เด็กไม่สามารถทำอะไรได้
          แล้วจึงเริ่มเขียนแผน IEP

    IEP ประกอบด้วย
         ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
         ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
         การระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
         เป้าหมายระยะยาวประจำปี / ระยะสั้น
         ระบุวัน เดือน ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน
         วิธีการประเมินผล

    ประโยชน์ต่อเด็ก
          ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน
          ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
          ได้รับการศึกษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
          ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ

    ประโยชน์ต่อครู
          เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
          เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะกับเด็ก
          ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
          เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็ก
          ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ

    ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
         ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการเรียนรายบุคคล เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความสามารถได้สูงสุดตามศักยภาพ
         ทราบร่วมกับครูว่าจะฝึกลูกของตนอย่างไร
         เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิดระหว่างบ้านกับโรงเรียน

    ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล
                         1.   การรวบรวมข้อมูล
          รายงานทางการแพทย์
          รายงานการประเมินด้านต่างๆ
          บันทึกจากผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง

                         2.   การจัดทำแผน
         ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง
         กำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น
         กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม
         จะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

    การกำหนดจุดมุ่งหมาย
        ระยะยาว
        ระยะสั้น

    จุดมุ่งหมายระยะยาว
        กำหนดให้ชัดเจน แม้จะกว้าง
          –    น้องนุ่นช่วยเหลือตนเองได้
          –    น้องดาวร่วมมือกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
          –    น้องริวเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆได้

    จุดมุ่งหมายระยะสั้น
         ตั้งให้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายหลัก
         เป็นพฤติกรรมที่เด็กสามารถทำได้ในระยะ 2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์
         จะสอนใคร
         พฤติกรรมอะไร
         เมื่อไหร่ ที่ไหน (ที่พฤติกรรมนั้นจะเกิด)
         พฤติกรรมนั้นต้องดีขนาดไหน

                   ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
        ใคร                                 >>                           มุก
        อะไร                               >>           กระโดดขาเดียวได้                              
        เมื่อไหร่ / ที่ไหน              >>           กิจกรรมกลางแจ้ง
        ดีขนาดไหน                    >>           กระโดดได้ขาละ 5 ครั้ง  ในเวลา 30 วินาที
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
        ใคร                          >>                           บอย
        อะไร                        >>           นั่งเงียบๆโดยไม่พูดคุย                        
        เมื่อไหร่ / ที่ไหน      >>           ระหว่างครูเล่านิทาน
        ดีขนาดไหน             >>           ช่วงเวลาการเล่านิทาน 10 - 15 นาที เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    3. การใช้แผน
          เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์ ครูจะนำไปใช้โดยจะใช้แผนระยะสั้น
          นำมาทำเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
          แยกย่อยขั้นตอนการสอนให้เหมาะกับเด็ก
         จัดเตรียมสื่อและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
         ต้องมีการสังเกตเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและความสามารถ โดยคำนึงถึง
         ขั้นตอนพัฒนาการของเด็กปกติ
         ตัวชี้วัดพื้นฐานที่เกี่ยวกับปัญหาของพัฒนาการเด็ก
         อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการแสดงออกของเด็ก

    4. การประเมินผล
       โดยทั่วไปจะประเมินภาคเรียนละครั้ง หรือย่อยกว่านั้น
       ควรมีการกำหนดวิธีการประเมิน และเกณฑ์วัดผล
    ** การประเมินในแต่ละทักษะหรือแต่ละกิจกรรม อาจใช้วิธีวัดและกำหนดเกณฑ์แตกต่างกัน**

    การจัดทำ IEP


    Apply : ได้แนวทางในการจัดทำแผน IEP เพื่อเป็นการวางแผนการเสริมประสบการณ์ให้เด็กได้ตรงจุดและเหมาะสม รวมทั้งทำให้ทราบพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็ก
    Evaluation
    Teacher : อาจารย์บรรยายและแนะนำการทำแผน IEP ได้เข้าใจง่ายและรวดเร็ว มีการเตรียมการสอนมาเป็นอย่างดี
    Feachet : มีความตั้งใจและให้ความสนใจในการทำแผน IEP อีกทั้งยังให้ความร่วมมือในกิจกรรมที่อาจารย์นำมาสอนดีมาก

    Self : ตั้งใจเรียนและให้ความร่วมมือในการทำแผนและกิจกรรมที่อาจารย์นำมาสอนได้ดี 


    วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2559






  • วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559

  • บันทึกการเรียน ครั้งที่ 8
    Knowledge


    การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรม
    เด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ


    • เพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน
    • ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด 
    • เน้นการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Approach)
          1. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
    • เพิ่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด
    • เกิดผลดีในระยะยาว
    • เน้นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กสามารถใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆแทนการฝึกแต่เพียงทักษะทางวิชาการ
    • แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program; IEP)
    • โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะทาง โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน

          2. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
    • การฝึกฝนทักษะในชีวิตประจำวัน (Activity of Daily Living Training)
    • การฝึกฝนทักษะสังคม (Social Skill Training)
    • การสอนเรื่องราวทางสังคม (Social Story)

    3.การบำบัดทางเลือก
    • การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
    • ศิลปกรรมบำบัด (Art Therapy)
    • ดนตรีบำบัด (Music Therapy)
    • การฝังเข็ม (Acupuncture)
    • การบำบัดด้วยสัตว์ (Animal Therapy)


    การสื่อความหมายทดแทน  (Augmentative and Alternative Communication ; AAC)

    • การรับรู้ผ่านการมอง (Visual Strategies)
    • โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร (Picture Exchange Communication System; PECS)
    • เครื่องโอภา (Communication Devices)
    • โปรแกรมปราศรัย

    Picture Exchange Communication System (PECS)















    บทบาทของครู
    • ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู
    • ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
    • จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
    • ให้เด็กมีกิจกรรม เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง

    การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ
    ทักษะทางสังคม
    • เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่
    • การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข

    กิจกรรมการเล่น
    • การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
    • เด็กจะสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ
    • ในช่วงแรกๆ เด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน  แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส ผลัก ดึง

    ยุทธศาสตร์การสอน
    • เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น  ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
    • ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
    • จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง
    • ครูจดบันทึก
    • ทำแผน IEP

    การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
    • วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
    • คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
    • ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน
    • เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน ครู ให้เด็กพิเศษ

    ครูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น
    • อยู่ใกล้ๆ และเฝ้ามองอย่างสนใจ
    • ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมาหาครู
    • ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป
    • เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น
    • ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม

    การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
    • ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
    • ทำโดย การพูดนำของครู

    ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์
    • ไม่ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ
    • การให้โอกาสเด็ก
    • เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
    • ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง

    2. ทักษะภาษา
    การวัดความสามารถทางภาษา
    • เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
    • ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
    • ถามหาสิ่งต่างๆไหม
    • บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
    • ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม

    การออกเสียงผิด / พูดไม่ชัด
    • การพูดตกหล่น
    • การใช้เสียงหนึ่งแทนอีกเสียง
    • ติดอ่าง

    การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
    • ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด
    • ห้ามบอกเด็กว่า  พูดช้าๆ   ตามสบาย   คิดก่อนพูด
    • อย่าขัดจังหวะขณะเด็กพูด
    • อย่าเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก
    • ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น
    • เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยิน

    ทักษะพื้นฐานทางภาษา
    • ทักษะการรับรู้ภาษา
    • การแสดงออกทางภาษา
    • การสื่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด

    พฤติกรรมตอบสนองการแสดงออกทางภาษา


    พฤติกรรมเริ่มการแสดงออกของเด็ก




    ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
    • การรับรู้ภาษามาก่อนการแสดงออกทางภาษา
    • ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด
    • ให้เวลาเด็กได้พูด
    • คอยให้เด็กตอบ (ชี้แนะหากจำเป็น)
    • เป็นผู้ฟังที่ดีและโตต้อบอย่างฉับไว (ครูไม่พูดมากเกินไป)
    • เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว
    • ให้เด็กทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อน
    • กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง (ครูไม่คาดการณ์ล่วงหน้า)
    • เน้นวิธีการสื่อความหมายมากกว่าการพูด
    • ใช้คำถามปลายเปิด
    • เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
    • ร่วมกิจกรรมกับเด็ก

    การสอนตามเหตุการณ์

    (Incidental Teaching)






    ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
    • เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด
    • การกินอยู่
    • การเข้าห้องน้ำ
    • การแต่งตัว
    • กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน

    การสร้างความอิสระ
    • เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง
    • อยากทำงานตามความสามารถ
    • เด็กเลียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อน เด็กที่โตกว่า และผู้ใหญ่

    ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ
    • การได้ทำด้วยตนเอง
    • เชื่อมั่นในตนเอง
    • เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี

    หัดให้เด็กทำเอง
    • ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น (ใจแข็ง)
    • ผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆให้เด็กมากเกินไป
    • ทำให้แม้กระทั่งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เองหากให้เวลาเขาทำ
    • หนูทำช้า   หนูยังทำไม่ได้

    จะช่วยเมื่อไหร่
    • เด็กก็มีบางวันที่ไม่อยากทำอะไร , หงุดหงิด , เบื่อ , ไม่ค่อยสบาย
    • หลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
    • เด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พึ่งได้ แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเฉพาะสิ่งที่เด็กต้องการ
    • มักช่วยเด็กในช่วงกิจกรรม

    ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 2-3 ปี)


    ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 3-4 ปี)


    ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 4-5 ปี)


    ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 5-6 ปี)


    ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง
    • แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
    • ย่อยงาน
    • เรียงลำดับตามขั้นตอน

    การเข้าส้วม
    • เข้าไปในห้องส้วม
    • ดึงกางเกงลงมา
    • ก้าวขึ้นไปนั่งบนส้วม
    • ปัสสาวะหรืออุจจาระ
    • ใช้กระดาษชำระเช็ดก้น
    • ทิ้งกระดาษชำระในตะกร้า
    • กดชักโครกหรือตักน้ำราด
    • ดึงกางเกงขึ้น
    • ล้างมือ
    • เช็ดมือ
    • เดินออกจากห้องส้วม

    การวางแผนทีละขั้น
    • แยกกิจกรรมเป็นขั้นย่อยๆให้มากที่สุด


    สรุป
    • ครูต้องพยายามให้เด็กทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
    • ย่อยงานแต่ละอย่างเป็นขั้นๆ
    • ความสำเร็จขั้นเล็กๆนำไปสู่ความสำเร็จทั้งมวล
    • ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง
    • เด็กพึ่งตนเองได้ รู้สึกเป็นอิสระ

    4. ทักษะพื้นฐานทางการเรียน
         เป้าหมาย
    • การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้ 
    • มีความรู้สึกดีต่อตนเอง
    • เด็กรู้สึกว่า ฉันทำได้
    • พัฒนาความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น
    • อยากสำรวจ อยากทดลอง

          ช่วงความสนใจ
    • ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ
    • จดจ่อต่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร

    การเลียนแบบ
          การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ
    • เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่
    • เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่
    • คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่


    การรับรู้ การเคลื่อนไหว

    • ได้ยิน เห็น สัมผัส ลิ้มรส กลิ่น     >>    ตอบสนองอย่างเหมาะสม


    การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก
    • การกรอกน้ำ ตวงน้ำ
    • ต่อบล็อก
    • ศิลปะ
    • มุมบ้าน
    • ช่วยเหลือตนเอง


    ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ
    • ลูกปัดไม้ขนาดใหญ่
    • รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก


    ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ
    • ลูกปัดไม้ขนาดใหญ่
    • รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก

    ความจำ
    • จากการสนทนา
    • เมื่อเช้าหนูทานอะไร
    • แกงจืดที่เรากินใส่อะไรบ้าง
    • จำตัวละครในนิทาน
    • จำชื่อครู เพื่อน
    • เล่นเกมทายของที่หายไป

    การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ
    • จัดกลุ่มเด็ก
    • เริ่มต้นเรียนรู้โดยใช้ช่วงเวลาสั้นๆ
    • ให้งานเด็กแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าต้องทำที่ไหน
    • ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง
    • ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
    • ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
    • บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุด
    • รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน
    • มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือ
    • เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง
    • พูดในทางที่ดี
    • จัดกิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหว
    • ทำบทเรียนให้สนุก

    Apply : ได้แนวทางในการนำไปใช้ส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้เหมาะกับวัย และบุคคล ซึ่งเด็กแต่ละคนมีความสามารถและมีพัฒนาการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน การเรียนรู้นี้จึงสามารถตัวความรู้ที่ผู้เรียนจะนำไปต่อยอดเพิ่มพูลหาความความรู้เพิ่มเติมต่อไป

    Evaluation
    Teacher : การแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ใช้ภาษาในการสอนได้ดีมาก การสอนและการบรรยายเนื้อหาเข้าใจง่าย
    Feachet : มีความตั้งใจในการเรียนรวมทั้งให้ความร่วมมือในการเรียนการสอนเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นในการเรียน
    Self : ตั้งใจเรียนและยังไม่กล้าแสดงความคิดเห็น