วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559





  • วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2559

  • บันทึกการเรียน ครั้งที่ 7
    Knowledge

    การจัดประสบการณ์
    การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย

    รูปแบบการจัดการศึกษา
       การศึกษาปกติทั่วไป (Regular Education)
       การศึกษาพิเศษ (Special Education)
       การศึกษาแบบเรียนร่วม  (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
       การศึกษาแบบเรียนรวม  (Inclusive Education)
    การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
       เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา
    ความหมายของการศึกษาแบบเรียนร่วม 
    (
    Integrated Education หรือ Mainstreaming)
       การจัดให้เด็กพิเศษเข้าไปในระบบการศึกษาทั่วไป
       มีกิจกรรมที่ให้เด็กพิเศษกับเด็กทั่วไปได้ทำร่วมกัน
       ใช้ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งในแต่ละวัน
       ครูปฐมวัยและครูการศึกษาพิเศษร่วมมือกัน
    การเรียนร่วมบางเวลา (Integration)
        การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา
        เด็กพิเศษได้มีโอกาสแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปกติ
        เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงระดับมาก จึงไม่อาจเรียนร่วมเต็มเวลาได้
    การเรียนร่วมเต็มเวลา (Mainstreaming)
        การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน
        เด็กพิเศษได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้และบริการนอกห้องเรียนเหมือนเด็กปกติ
        มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กเข้าใจซึ่งกันและกัน ตอบสนองความต้องการซึ่งกันและกันและมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
        เด็กปกติจะยอมรับความหลากหลายของมนุษย์ เข้าใจว่าคนเราเกิดมาไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่าง ท่ามกลางความแตกต่างกัน มนุษย์เราต้องการความรัก ความสนใจ ความเอาใจใส่เช่นเดียวกันทุกคน
    ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม 
    (
    Inclusive Education)
        การศึกษาสำหรับทุกคน
        รับเด็กเข้ามาเรียนรวมกันตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษา
        จัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
    Wilson , 2007
        การจัดการเรียนการสอนที่ยึดปรัชญาของการอยู่รวมกัน (Inclusion) เป็นหลัก
        การสอนที่ดี เป็นการสอนที่ครูกับนักเรียนช่วยกันให้ทุกคนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน
        กิจกรรมทุกชนิดที่จะนำไปสู่การสอนที่ดี (Good Teaching) ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อหาหนทางให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนได้
        เป็นการกำหนดทางเลือกหลายๆ ทาง
    สรุปความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม
        เป็นการจัดการศึกษาที่จัดให้เด็กพิเศษเข้ามาเรียนรวมกับเด็กปกติ โดยรับเข้ามาเรียนรวมกัน ตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษาและจัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
        เด็กพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา
        เกิดจากปรัชญาการศึกษาที่กล่าวไว้ว่า การศึกษาสำหรับทุกคน (Education for All)
        การเรียนรวม เป็นแนวคิดทางการศึกษาอย่างหนึ่งที่โรงเรียนจะต้องจัดการศึกษาให้กับเด็กทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเด็กคนใดเป็นเด็กปกติ หรือเด็กคนใดเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
         เด็กเลือกโรงเรียนไม่ใช่โรงเรียนเลือกเด็ก
         เด็กทุกคนที่ผู้ปกครองพาเข้ามาโรงเรียนทางโรงเรียนจะต้องรับเด็กไว้ และจะต้องจัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม และดำเนินการเรียนในลักษณะ รวมกัน ที่ทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่ง ของสังคม ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน
        ทุกคนยอมรับว่ามี ผู้พิการ อยู่ในสังคมและเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับคนปกติ โดยไม่มีการแบ่งแยก
    ความสำคัญของการศึกษาแบบเรียนรวม
    สำหรับเด็กปฐมวัย
        ปฐมวัยเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนรู้
        สอนได้
         เป็นการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่มีขีดจำกัดน้อยที่สุด
    บทบาทครูปฐมวัย
    ในห้องเรียนรวม
    ครูไม่ควรวินิจฉัย
         เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
         ชื่อเปรียบเสมือนตราประทับตัวเด็กตลอดไป
          เด็กจะกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ
    ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ
         พ่อแม่ของเด็กพิเศษ มักทราบดีว่าลูกของเขามีปัญหา
         พ่อแม่ไม่ต้องการให้ครูมาย้ำในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว
         ครูควรพูดในสิ่งที่เป็นความคาดหวังในด้านบวก แต่ต้องไม่ให้เกิดความหวังผิดๆ
         ครูควรรายงานผู้ปกครองว่าเด็กทำอะไรได้บ้าง เท่ากับเป็นการบอกว่าเด็กทำอะไรไม่ได้
         ครูช่วยให้ผู้ปกครองมีความหวังและเห็นแนวทางที่จะช่วยให้เด็กพัฒนา
    ครูทำอะไรบ้าง
         ครูสามารถชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ
         ให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัย
          สังเกตเด็กอย่างมีระบบ
          จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ
    สังเกตอย่างมีระบบ
         ไม่มีใครสามารถสังเกตอย่างมีระบบได้ดีกว่าครู
          ครูเห็นเด็กในสถานการณ์ต่างๆ ช่วงเวลายาวนานกว่า
          ต่างจากแพทย์ นักจิตวิทยา นักคลินิก มักมุ่งความสนใจอยู่ที่ปัญหา
    การตรวจสอบ
         จะทราบว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไร
          เป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้ครูและพ่อแม่เข้าใจเด็กดีขึ้น
          บอกได้ว่าเรื่องใดบ้างที่เด็กต้องการความช่วยเหลือ
    ข้อควรระวังในการปฏิบัติ
          ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้
          ประเมินให้น้ำหนักความสำคัญของเรื่องต่างๆได้
          พฤติกรรมบางอย่างของเด็กไม่ได้ปรากฏให้เห็นเสมอไป
    การบันทึกการสังเกต
          การนับอย่างง่ายๆ
          การบันทึกต่อเนื่อง
          การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
    การนับอย่างง่ายๆ
          นับจำนวนครั้งของการเกิดพฤติกรรม
          กี่ครั้งในแต่ละวัน กี่ครั้งในแต่ละชั่วโมง
          ระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม
    การบันทึกต่อเนื่อง
          ให้รายละเอียดได้มาก
          เขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่ง หรือช่วงกิจกรรมหนึ่ง
          โดยไม่ต้องเข้าไปแนะนำช่วยเหลือ
    การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
          บันทึกลงบัตรเล็กๆ
          เป็นการบันทึกสั้นๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาหนึ่ง
    การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป
          ควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่อง มากกว่าชนิดองความบกพร่อง
           พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบได้ในเด็กทุกคน ไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ
    การตัดสินใจ
           ครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง
           พฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้น ไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่


    Apply : ได้รับความรู้ในเนื้อหาที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบเรียนรวบ ทำให้สามารถนำข้อมูลนี้ไปต่อยอดในการหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งความอื่น เพื่อที่จะได้นำความรู้ที่ได้รับมาวิเคราะห์และปรับใช้ในการเรียนการสอน
    Evaluation
    Teacher : แต่งกายสุภาพ บุคลิกเรียบร้อย  การสอนบรรยายและอธิบายยกตัวอย่างการสอนได้ดีเข้าใจง่าย
    Feachet : ให้ความร่วมมือในการเรียนได้ดี มีส่วนร่วมในเวลาเรียน แต่งกายเรียบร้อย

    Self : แต่งการเรียบร้อย มีสมาธิในการเรียนดีขึ้น



    ไม่มีความคิดเห็น :

    แสดงความคิดเห็น