วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559





  • วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

  • บันทึกการเรียน ครั้งที่ 4
    Knowledge



    ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

      4. เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา 

      (Children with Speech and Language Disorders )


    เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด   หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด

    ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง (Articulator Disorders)
         เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป "ความ" เป็น "คาม"
         ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง "กิน" "จิน"  กวาด ฟาด
         เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย "หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้ม"
         เสียงเพี้ยนหรือแปล่ง "แล้ว" เป็น "แล่ว"

    ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด (speech Flow Disorders)
        พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
        การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
         ตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
         จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
          เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง สละสลวย

    ความบกพร่องของเสียงพูด 

    (Voice Disorders)
          ความบกพร่องของระดับเสียง
          เสียงดังหรือค่อยเกินไป
          คุณภาพของเสียงไม่ดี

    ความบกพร่องทางภาษา หมายถึง การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมาย ของคำพูด และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็นถ้อยคำได้

    การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย 

    (Delayed Language) 
          มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
          มีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค
          ไม่สามารถสร้างประโยคได้
           มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติ
          ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน ๆ

    2. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า

    Dysphasia หรือ aphasia
          อ่านไม่ออก (alexia)
          เขียนไม่ได้ (agraphia)
          สะกดคำไม่ได้
          ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
          จำคำหรือประโยคไม่ได้
         ไม่เข้าใจคำสั่ง
          พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้

    Gerstmann’s syndrome
           ไม่รู้ชื่อนิ้ว (finger agnosia)
           ไม่รู้ซ้ายขวา (allochiria)
           คำนวณไม่ได้ (acalculia)
           เขียนไม่ได้ (agraphia)
           อ่านไม่ออก (alexia)

    ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
          ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบา ๆ และอ่อนแรง
          ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10 เดือน
          ไม่พูดภายในอายุ 2 ขวบ
           หลัง 3 ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
           ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
           หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถมศึกษา
           มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
           ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย

    5. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ (Children with Physical and Health Impairments)

          เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน
          อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
          เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง
          มีปัญหาทางระบบประสาท
          มีความลำบากในการเคลื่อนไหว

    โรคลมชัก (Epilepsy)
          เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบสมอง
          มีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติและมากเกินปล่อยออกมาจากเซลล์สมองพร้อมกัน

    1.การชักในช่วงเวลาสั้น ๆ (Petit Mal)
         อาการเหม่อนิ่งเป็นเวลา 5-10วินาที
         มีการกระพริบตาหรืออาจมีเคี้ยวปาก
         เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
         เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย

    2.การชักแบบรุนแรง (Grand Mal)
         เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราว 2-5 นาที จากนั้นจะหาย และนอนหลับไปชั่วครู

    3.อาการชักแบบ Partial Complex
          มีอาการประมาณไม่เกิน 3 นาที
          เหม่อนิ่ง 
          เหมือนรู้สึกตัวแต่ไม่รับรู้และไม่ตอบสนองต่อคำพูด
                        หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก

    4.อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial)
           เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก

    5.ลมบ้าหมู (Grand Mal)
         เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ และหมดความรู้สึกในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น



    การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน ในกรณีเด็กมีอาการชัก
         จับเด็กนอนตะแคงขวาบนพื้นราบที่ไม่มีของแข็ง
         ไม่จับยึดตัวเด็กขณะชัก
         หาหมอนหรือสิ่งนุ่มๆรองศีรษะ
         ดูดน้ำลาย เสมหะ เศษอาหารออกจาปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
         จัดเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
         ห้ามนำวัตถุใดๆใส่ในปาก
         ทำการช่วยหายใจโดยวิธีการเป่าปากหากเด็กหยุดหายใจ

    ซี.พี.(Cerebral Palsy)



          การเป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ หรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด
          การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพี มีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของสมองแตกต่างกัน

    1.กลุ่มแข็งเกร็ง (spastic)
          spastic hemiplegia อัมพาตครึ่งซีก
          spastic diplegia อัมพาตครึ่งท่อนบน
          spastic paraplegia อัมพาตครึ่งท่อนล่าง
          spastic quadriplegia อัมพาตทั้งตัว

    2.กลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเอง (athetoid , ataxia)

         athetoid อาการขยุกขยิกช้า ๆ หรือเคลื่อนไหวเร็วๆที่เท้า แขน มือ หรือที่ใบหน้าของ เด็กบางรายอาจมีคอเอียง ปากเบี้ยวร่วมด้วย

         ataxia มีความผิดปกติในการทรงตัวของร่างกาย กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน

    3. กลุ่มอาการแบบผสม (Mixed)
    กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)
         เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ เสื่อมสลายตัว
         เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่
         จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม

    โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Orthopedic)
         ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก (Club Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida)
          ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ (Infection) เช่น วัณโรค กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง เศษกระดูกผุ
         กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ

    โปลิโอ (Poliomyelitis)
         มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญา
         ยืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริ
         โรคระบบทางเดินหายใจ

    โรคเบาหวาน (Diabetes mellitus )  
    โรคหัวใจ (Cardiac Conditions)  
    โรคมะเร็ง (Cancer)  
    เลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia)
    แขนขาด้วนแต่กำเนิด (Limb Deficiency)
    ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
          มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
          ท่าเดินคล้ายกรรไกร
          เดินขากะเผลก หรืออึดอาดเชื่องช้า
          ไอเสียงแห้งบ่อย ๆ
          มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง
          หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
          หกล้มบ่อย ๆ
          หิวและกระหายน้าอย่างเกินกว่าเหตุ

    Apply : นำไปปรับใช้ในการเรียนการสอนและการดูแลส่งเสริมพัฒนาการเด็ก โดยการนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับเด็กแต่ละคน
    Evaluation
    Teacher : แต่งกายสุภาพ พูดจาสุภาพ สอนเข้าใจง่าย มีการอธิบายยกตัวอย่างได้ดี
    Feachet : ให้ความร่วมมือในการเรียนได้ดี มีส่วนร่วมในเวลาเรียน แต่งกายเรียบร้อย

    Self : แต่งการเรียบร้อย ขาดสมาธิในการเรียนช่วงท้ายชั่วโมง

    ไม่มีความคิดเห็น :

    แสดงความคิดเห็น